8 อันดับเกาะ ที่น่าไป ตุลา 60 – พฤษภา 61
หลังจากหมดฝนช่วงเดือนตุลาคม ของทุกปีแล้ว ทางภาคใต้ฝั่งอันดามันก็จะเริ่มเข้าหน้าร้อน (ใต้ไม่มีหน้าหนาว) ซึ่งเกาะต่างๆที่ทางอุทยานปิด ก็จะเริ่มเปิดตั้งแต่ 15 ตุลาเป็นต้นไป จนถึง 15 พฤษภา เพราะฉนั้นหากคุณชอบทะเล อยากไปเติมพลังชีวิตที่ทะเลแล้วละก็ มาดูซิว่า 8 อันดับ เกาะฝั่งอันดามันที่น่าไปมอะไรกันบ้าง โดยทั้ง 8 อันดับเกาะน่าไป หากท่านสนใจสามารถสอบถาม แนะนำการเดินทาง หรือจองราคาพิเศษ ผ่านไลน์ ไอดี @Thailandlism.com (มี@นำหน้า) จองทริปผ่านเราเตรียมรับสิทธ์พิเศษกว่าใครๆ 8.เกาะกำตก จ.ระนอง เกาะเล็กๆ ที่อยู่ในจังหวัดระนอง จังหวัดที่เริ่มมีคนสนใจจะไปเยือนมากขึ้น นอกจากมาระนองแล้วข้ามไปเที่ยวเกาะทางพม่าเเล้ว เกาะกำตก หรือคนส่วนมากเรียกเกาะกำ ก็ยังเป็นจุดหมายที่น่าลองมาเยือน เกาะกำอยู่ในความดูเเลของอุทยานแหลมสน จะมาเที่ยวได้ช่วง 1 พฤจิกา (จริงๆแล้วเปิด ตั้งแต่ 15 ตุลา แต่คลื่นลมยังแรง) ทริปที่มาเกาะนี้จะเป็นทริปไปกลับ นักเท่องเที่ยวสามารถเหมาเรือหางยาวจากท่าเรือบางเบน หรือซื้อเดย์ทริปจากทัวร์ซึ่งจะเตรียม อาหาร น้ำดื่ม พร้อมบริการสำหรับนักท่องเที่ยว จุดเด่นของทริปคือ ความสงบเงียบบนเกาะกำ และวิวแนวต้นสนบนเกาะ จุดถ่ายรูปบนเกาะมีมากมาย หากลงเล่นน้ำก็มีชายหาดทั้ง 3 ด้าน รวมถึงสันทรายคล้ายทะเลแหวก ที่นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งรับลมเย็นๆได้เช่นกัน
ช่วงเวลาเปิด : 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ประมาณคนละ 2,000 บาท
7.เกาะราชาน้อย จ.ภูเก็ต
เกาะราชาน้อย เอ๊ะ เอ๊ะ ยังไง บางคนเคนได้ยินแต่เกาะราชา หรือเกาะรายา จริงๆแล้วจะเรียกเกาะราชาน้อย เกาะรายาน้อยก็ได้ ไม่ถือว่าผิด แต่เกาะราชานั้น มี 2 เกาะครับ คือที่เรารู้จักทั่วไปคือเกาะราชาใหญ่ ที่มีรีสอรท์ให้ค้างได้ และสามารถเดินทางได้ทั้งปี (แต่ช่วงที่ดีสุดก็คือ ตุลา-พฤษภา นี่แหละ) เกาะราชาน้อย จะไกลออกไปมากกว่าเกาะราชาใหญ่ครับ ทัวร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพามาที่นี่ เนื่องจากมีร่องน้ำที่เป็นคลื่น แต่ทัวร์ที่มาได้ส่วนมากจะใช้เรือสปีดโบ้ท คาตามารัน ที่มี 2 ท้อง ซึ่งเวลาเจอคลื่นเนี่ย เรือจะไปแบบนิ่มๆไม่น่ากลัว
จุดเด่นของเกาะราชาน้อยนี้ มีทรายหาดที่ขาวสะอาด และน้ำใสแบบในรูปประหนึ่งว่าอยู่เกาะสิมิลันขนาดนั้นเลย เนื่องจากเกาะราชาน้อยมายาก เมื่อเรามาถึงเกาะเเล้วอย่าแปลดใจที่จะเจอนักท่องเที่ยวไม่กี่คนที่นี่ นอกจากนี้แล้ว seastar ยังได้ทำเส้นทาง เกาะราชาน้อย-เกาะไม้ท่อน (ดำน้ำ ดูปลาโลมา)-เกาะเฮ (บานาน่าบีช) ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ทางภูเก็ต โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองทริปราคาพิเศษผ่านเรา Thailandlism.com ได้เช่นกัน
ช่วงเวลาเปิด : เปิดทั้งปี แต่ช่วงที่ดีสุดคือ15 ตุลาคม ถึง 30 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ประมาณคนละ 2,200 บาท
6.เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต
เกาะราชาใหญ่ เกาะที่อยู่ใกล้ภูเก็ต เหมือนสวรรค์น้อยๆ ที่เดินทางมาง่ายๆ คุณสามารถเลือกค้างคืน หรือจะเลือกทริปไปกลับก็ได้ ด้วยเวลาเดินทางด้วย สปีดโบ้ทราวๆ 30 นาที และราคาอยู่ระดับ พันบาท จึงทำให้บางวันผู้คนอาจแน่นไปบ้างบนเกาะนี้ แต่หากเราลงทุนนอนค้างคืนละก็ เมื่อทริปแบบไปกลับ ยกพวกขึ้นเรือกลับช่วงบ่าย บนเกาะก็จะมีความส่วนตัวขึ้นมาทันที
จุดเด่นของเกาะราชาใหญ่ นอกจากทรายละเอียด และเดินทางได้ทั้งปีเเล้ว ยังสามารถมาค้างได้ โดยราคาที่พักก็มีตั้งแต่หลักร้อยในหน้ามรสุม ยันถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว แน่นอน หากคุณมีงบไม่เยอะ แต่อยากลองดูว่า คำว่าเกาะสวยๆไม่ไกลเป็นอย่างไร ขอให้ลองมาดูที่นี่ เกาะราชาใหญ่
ช่วงเวลาเปิด : เปิดทั้งปี แต่ช่วงที่น่ามาที่สุดคือ 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ ประมาณคนละ 1,000 บาท
5.หมู่เกาะห้า จ.กระบี่
หมู่เกาะเล็กๆ ที่สร้างความประหลาดใจให้นักท่องเที่ยวได้แปลกใจเมื่อได้มาเยือน หมู่เกาะห้า เป็นหมู่เกาะห้าเกาะที่โผล่ขึ้นมากลางทะเล โดยที่เกาะตรงกลางมีชายหาด ซึ่งเวลาน้ำลง เราสามารถขึ้นไปได้ ความจริงแล้วหมู่เกาะห้านี้ คนที่ดำน้ำลึกจะรู้จักมาก่อน เพราะเป็นจุดดำน้ำลึกที่ทัวร์จาก กระบี่ ภูเก็ตและเกาะลันตาแวะมา โดยมีแนวปะการังน้ำลึก อยู่รอบบริเวณหมู่เกาะ และมีโพรงถ้ำใต้เกาะ ส่วนหากมาดำน้ำตื้นที่หมู่เกาะห้าก็มีทั้งปลา และปะการังให้ดูเช่นกัน ด้วยความใสของน้ำ เราสามารถมองเห็นแนวปะการังจากบนเรือสปีดโบ้ทได้เลย
จุดเด่นของเกาะห้า นอกจากความใสของน้ำ ความสมบูรณ์ของปะการังแล้ว การมาเกาะห้าที่ใกล้สุดนี้ คือสามารถมาทางเกาะลันตา หรือจากกระบี่ หรือจากภูเก็ต ในทริป เกาะรอกเกาะห้าได้ เช็คกับทัวร์ก่อนจองว่าไปเกาะห้าหรือไม่
ช่วงเวลาเปิด : 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ ประมาณคนละ 1,500 – 3,000 บาท(แล้วแต่ว่ามาจาก เกาะลันตา กระบี่ หรือภูเก็ต)
+ ไปอ่านรีวิว เที่ยวเกาะรอก เกาะห้า เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
+ อ่านแนะนำการไปเกาะรอก เกาะห้า
+ อ่านแนะนำการไป เกาะลันตา ต่อไปเกาะรอก
4.เกาะรอก จ.กระบี่
เกาะรอก เกาะที่หลายคนด้วยซ้ำที่รู้จักแต่ไม่รู้ว่าดียังไง ผมจะบอกให้ว่า เกาะสวยๆที่สามารถไปกลับ และค้างคืนบนเกาะได้ โดยที่ใช้งบไม่แพง นั่งเรือไม่นาน ปะการังใต้น้ำสวย แล้วถ้าคุณไดค้างนะ โอ้โห สวรรค์ชัดๆดังรูป เมื่อคนกลับแล้ว นักท่องเที่ยวที่ค้างคืน ก็จะได้เจอสวรรค์แบบเกาะส่วนตัวเช่นรูป จริงอยู่ที่เกาะรอกอยู่เขต จ.กระบี่ และมาได้หลายทาง แต่ทางที่ใกล้ นั่งเรือไวสุดคือเกาะลันตา โดยจากเกาะลันตาจะมีทั้งทริป เกาะรอก+เกาะห้า หรือจะมาแต่เกาะรอกล้วนๆ ก็ได้ แต่หากมาจากกระบี่ และภูเก็ต ก็จะเป็นทริปเกาะรอก+เกาะห้า โดยอัตโนมัติ (เพราะต้องผ่านเกาะห้าอยู่แล้ว)
จุดเด่นของเกาะรอก ถ้าจะให้ดีคือการค้างคืน เสพความส่วนตัวได้เต็มที่ ธรรมชาติบนเกาะยังดี แถมปูเสฉวนอีกเป็นพันตัวจะออกมา เมื่อนักท่องเที่ยวแบบไปกลับ กลับขึ้นเรือหมดแล้ว แม้ทริปไปกลับจะถูกกว่าก็จริง แต่อาจจะทำให้ไม่เต็มอิ่มกับความสวยงามของที่นี่ครับ
ช่วงเวลาเปิด : 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ ประมาณคนละ 1,500 – 6,000 บาท(แล้วแต่ว่ามาจาก เกาะลันตา กระบี่ หรือภูเก็ต ไปกลับ หรือค้างคืน)
+ ไปอ่านรีวิว เที่ยวเกาะรอก เกาะห้า เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
+ อ่านแนะนำการไปเกาะรอก เกาะห้า
+ อ่านแนะนำการไป เกาะลันตา ต่อไปเกาะรอก
3.เกาะสุรินทร์
หากคุณชอบดำน้ำตื้น หรือคุณกลัวที่จะดำน้ำตื้น ที่นี่เหมาะที่สุดแล้วในไทย เกาะสุรินทร์ โดยเกาะสุรินทร์ตั้งอยู่เขตจังหวัดพังงา อยู่ในความดูเเลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เปิด 15 ตุลา ถึง 15 พฤษภา เท่านั้น โดยที่จุดดำน้ำตื้นของหมู่เกาะสุรินทร์มีเยอะมาก มาอยู่ 3 วัน ก็ยังดำไม่หมดแน่นอน คนส่วนมากเลือกมาทริปแบบไปกลับ แต่ผมว่าถ้าอยากเห็นเกาะสุรินทร์ ที่เป็นเกาะสุรินทร์จริงๆ ทริปค้างคืนคือตัวเลือกที่ดีสุด
จุดเด่นของเกาะสุรินทร์ ไม่ใช่ดีเพียงแต่ปะการังน้ำตื้นที่มีให้ดำดูมากมาย ที่เกาะสุรินทร์ยังมีทั้ง ฝูงปลาน้อยใหญ่ ปลาฉลาม เต่า และสัตว์ทะเลอีกมากมายให้เราได้เจอ จริงอยู่ที่เกาะสุรินทร์จะมาได้ทั้งทางคุระบุรี ท่าบ้านน้ำเค็ม ท่าทับละมุ แต่ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ การเดินทางจากท่าบ้านน้ำเค็ม ที่ไม่ต้องนั่งรถโหด ไม่ต้องนั่งเรือนาน แถมมีเวลาอยู่บนเกาะนานกว่าใคร โดย seastar มีบริการทั้งแบบไปกลับ และค้างคืน ให้ลุกค้าใช้บริการ
ช่วงเวลาเปิด : 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ หรือค้างคืน ประมาณคนละ 2,500 – 6,000 บาท
+ ไปอ่านรีวิว เกาะสุรินทร์ไปกลับและค้างคืน เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
+ ไปอ่านรีวิว แนะนำการเดินทางไปเกาะสุรินทร์ เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
2.เกาะสิมิลัน จ.พังงา
หนึ่งปี มีเพียง 7 เดือนเท่านั้น ที่เราสามารถไปชมความสวยของเกาะสิมิลัน เกาะที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาดูด้วยตาตัวเอง ถ้าเกาะสุรินทร์คือพระเอกด้านการดำน้ำตื้น ที่เกาะสิมิลันนี้คือ พระเอกด้านวิวสวย ด้วยความใสของน้ำ และสีน้ำทะเลสีฟ้าคราม ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นเกาะสิมิลันเมื่อได้มาเยือน
จุดเด่นของเกาะสิมิลันนอกจาก หาดทรายขาว น้ำสวย วิวดีแล้ว ที่เกาะสิมิลันนี้ ยังสามารถมาค้างคืนได้ด้วย โดยมีบ้านพักของอุทยานไว้บริการ มีทั้งเต๊นท์ บ้านพัดลม บ้านแอร์ หรือถ้าเป็นของเอกชน จะเป็นเรือห้องแอร์ โดยเรือแต่ละเจ้าก็มีบริการ ห้องนอนที่ต่างกัน แม้ปะการังน้ำตื้นของเกาะสิมิลัน จะสู้ทางเกาะสุรินทร์ไม่ได้ แต่ปลาในทะเลนั้นมีความหลากหลาย และตัวโตๆทั้งนั้น หากคุณอยากลองมาสัมผัสวิวทะเลระดับโลก ไม่ควรพลาดเกาะสิมิลันเด็ดขาด
ช่วงเวลาเปิด : 15 ตุลาคม ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ หรือค้างคืน ประมาณคนละ 2,200 – 6,000 บาท
+ ไปอ่านรีวิว เกาะสิมิลันไปกลับและค้างคืน เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
+ ไปอ่านรีวิว แนะนำการเดินทางไปเกาะสิมิลัน เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก
1.เกาะบูเออร์ Bruer island,Twin Beach อยู่ฝั่งประเทศพม่า ข้ามจาก จ.ระนอง
ใหม่สุด น่าไปสุด คงต้องยกให้กับเกาะบูเออร์ ด้วยความใหม่แบบแกะกล่องของเกาะบูเออร์ เกาะที่มีหาดคู่ และจุดดำน้ำที่สมบูรณ์ของประเทศพม่า รอคอยนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องจ่ายเงินแพง ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกล แค่เพียงจองทริป แล้วข้ามแดนด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว คุณกจะได้มาเกาะใหม่ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว
เกาะบูเออร์ อยู่ในเขตประเทศพม่า แต่คนไทยสามารถข้ามไปเที่ยวได้จากระนอง โดยมีทริปไปกลับ และค้างคืน โดย Seastar อีกเช่นเคย โดยสามารถเดินทางวันแรกคือ 11/11 เป็นต้นไป (ช่วงแรกจะออก พฤหัส ถึงอาทิตย์) ในทริปจะมีการพาดำน้ำชมความสมบูรณ์ของปะการังฝั่งพม่า ถึง 3 จุด แล้วยังแวะเล่นน้ำ ถ่ายรุป พร้อมบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันบน Twin Beach หรือหาดคู่ของเกาะบูเออร์ ด้วยราคาที่แพงกว่าทริปของฝั่งทะเลไทยเล็กน้อย แต่ไปชมปะการังที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนั้น นี่คือเส้นทางที่จะเป็นที่ต้องการมาเยือนของนักท่องเที่ยวในอนาคต ผมจึงอยากบอกว่า รู้จักแล้วให้รีบไปก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเยอะในภายหน้าครับ
ช่วงเวลาเปิด : 11 พฤจิกา ถึง 15 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ทริปทัวร์ ไปกลับ หรือค้างคืน ประมาณคนละ 3,500 – 6,000 บาท
+ ไปอ่านรีวิว รู้จักเกาะบูเออร์ เพิ่มเติมที่นี่ คลิ๊ก